3 สัญญาณที่ต้องพาลูกมาหาหมอฟันด่วน รู้ไว้ป้องกันปัญหาฟันตั้งแต่เนิ่น ๆ

มาดูกันว่า…สัญญาณแบบไหนที่ไม่ควรมองข้าม และควรพาลูกมาพบทันตแพทย์โดยเร็ว 👇

1️⃣ นอนหายใจทางปาก หรือนอนกรน

หากลูกของคุณนอนแล้ว หายใจเสียงดัง หรืออ้าปากขณะนอนหลับ นั่นอาจเป็นสัญญาณของการอุดกั้นทางเดินหายใจ เช่น ต่อมทอนซิลโต หรือภูมิแพ้เรื้อรัง

การหายใจทางปากในระยะยาวมีผลต่อ พัฒนาการของขากรรไกรและฟัน โดยอาจทำให้

• ขากรรไกรบนแคบ ฟันซ้อนเก

• ฟันหน้าบนยื่น

• ใบหน้าท่อนกลางดูยาวผิดสัดส่วน

🩵 คำแนะนำ: ควรปรึกษาทันตแพทย์เด็กหรือทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อประเมินการเจริญของขากรรไกรร่วมกับแพทย์เฉพาะทางหูคอจมูก

2️⃣ ติดดูดนิ้วหรือติดจุกนมหลอกนานเกินไป

เด็กบางคนอาจมีนิสัยดูดนิ้วหรือใช้จุกนมหลอกเพื่อติดการปลอบใจ แต่หากทำต่อเนื่องนานเกิน 3 ขวบขึ้นไป อาจส่งผลให้

• ฟันหน้าบนยื่น

• ฟันสบเปิด (ฟันหน้าไม่สบกันเมื่อกัด)

• ขากรรไกรบนพัฒนาไม่สมดุล

🩵 คำแนะนำ: หากลูกเลิกดูดนิ้วหรือจุกนมไม่ได้ ควรปรึกษาทันตแพทย์เด็กเพื่อหาวิธีช่วยหยุดพฤติกรรมนี้อย่างเหมาะสม และตรวจประเมินการสบฟัน

3️⃣ มีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง หรือคัดจมูกบ่อย

เด็กที่เป็น ภูมิแพ้ หรือคัดจมูกเรื้อรัง มักหายใจทางปากโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้รูปหน้าและการสบฟันผิดปกติได้เช่นเดียวกัน เช่น

• ขากรรไกรบนแคบ

• ฟันซ้อน ฟันยื่น

• ใบหน้าท่อนกลางยาว

🩵 คำแนะนำ: รักษาอาการภูมิแพ้ร่วมกับตรวจสุขภาพช่องปาก จะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาการเจริญของใบหน้าและฟันได้ในระยะยาว

พาลูกมาหาหมอฟันตั้งแต่ฟันน้ำนมขึ้น คือการป้องกันที่ดีที่สุด

สมาคมทันตแพทย์เด็กแนะนำว่า ควร พาลูกมาพบหมอฟันครั้งแรกเมื่อฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น หรือภายในอายุ 1 ปี เพื่อให้หมอฟันช่วยตรวจสุขภาพช่องปาก พฤติกรรมการดูดนิ้ว การหายใจ และพัฒนาการของขากรรไกรตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

เมื่อพบปัญหาได้เร็ว หมอฟันจะสามารถแนะนำแนวทางดูแล หรือรักษาเบื้องต้นได้ทัน เช่น

• ปรับพฤติกรรมการหายใจหรือการดูดนิ้ว

• แนะนำเครื่องมือขยายขากรรไกรในเด็ก

• ป้องกันฟันซ้อนหรือสบฟันผิดรูปในอนาคต

สรุป: อย่ารอให้ฟันแท้ขึ้นก่อนถึงจะไปหาหมอฟัน

สุขภาพฟันของเด็กมีผลโดยตรงต่อรูปหน้า การพูด การเคี้ยว และความมั่นใจในอนาคต
การตรวจสุขภาพฟันกับ หมอฟันเด็กเป็นประจำทุก 6 เดือน คือทางเลือกที่ดีที่สุดในการดูแลรอยยิ้มของลูกให้สวยและแข็งแรงตั้งแต่เล็ก