รอยยิ้มที่ประกอบด้วยฟันเรียงสวยย่อมทำให้คนรู้สึกมั่นใจ อยากจะเผยยิ้มให้ใครต่อใครชื่นชมบ่อยๆ แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้นก็ทำให้การเรียงตัวของฟันอาจไม่มีความสมบูรณ์อีกต่อไป ซึ่งฟันปลอมก็เป็นตัวช่วยสำคัญ โดยเฉพาะในกรณีที่เราเสียฟันธรรมชาติไปหรือมีฟันไม่ครบสมบูรณ์ และนอกจากฟันปลอมจะช่วยเรียกคืนรอยยิ้มสดใสแล้ว ยังช่วยให้เราได้ฟันในสภาพใช้งานได้กลับมาทดแทนด้วย บทความนี้จะมาเล่าอย่างหมดเปลือกว่าฟันปลอมมีกี่แบบ แต่ละแบบต่างกันยังไง แล้วแต่ละคนเหมาะกับฟันปลอมแบบไหน เพื่อให้คนที่สนใจอยากใส่ฟันปลอมแต่ยังลังเลอยู่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ฟันปลอม คืออะไร และมีกี่แบบ ?
ฟันปลอม หรือฟันเทียม เป็นอุปกรณ์ที่ทำขึ้นมาขึ้นมาให้มีรูปร่างและสีคล้ายฟันจริง เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป ซึ่งนอกจากจะช่วยเติมเต็มฟันจริงและทำให้การบดเคี้ยวดีขึ้นแล้ว ฟันปลอมยังช่วยป้องกันการล้มเอียงของฟันซี่อื่นๆ และช่วยปรับการสบฟันให้ดีขึ้นได้ด้วย ฟันปลอมในทางการแพทย์จะแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ ก็คือ ฟันปลอมแบบถอดได้ กับ ฟันปลอมแบบติดแน่น ซึ่งแตกต่างกันยังไงนั้น ตามไปดูกันเลย
ความแตกต่างของฟันปลอมแบบถอดได้ Vs ฟันปลอมแบบติดแน่น
ฟันปลอมแบบถอดได้
เป็นฟันปลอมแบบที่สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดนอกช่องปาก แล้วใส่กลับเข้าไปได้เมื่อต้องการ โดยตัวอุปกรณ์จะมีฐานที่ทำจากพลาสติกหรือโลหะ สำหรับวางบนสันเหงือกหรือทาบกับเพดานปาก และมีตะขอเป็นตัวยึด ฟันปลอมชนิดถอดได้เหมาะกับคนที่มีฟันธรรมชาติเหลืออยู่น้อย หรือไม่มีฟันเหลืออยู่เลย ซึ่งก็มีทั้งแบบฟันปลอมบางส่วน (Partial dentures) สำหรับชดเชยฟันที่หายไปเพียงบางซี่ และฟันปลอมทั้งปาก (Full dentures) สำหรับทดแทนฟันทั่วทั้งช่องปาก
ข้อดีของฟันปลอมแบบถอดได้
- สามารถทดแทนฟันที่หายไปหลายซี่ หรือหายไปทั้งปากได้
- ถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย
- มีราคาถูกกว่าฟันปลอมแบบติดแน่น (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนซี่ฟันและวัสดุที่ใช้)
ข้อเสียของฟันปลอมแบบถอดได้
- แข็งแรงน้อยกว่า และมีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวต่ำกว่าแบบติดแน่น
- มีส่วนฐานฟันปลอมที่ติดกับเพดานปาก จึงอาจทำให้รู้สึกรำคาญเวลาพูดหรือเคี้ยวอาหาร
- ต้องใช้ตะขอเกี่ยว เวลายิ้มอาจมองเห็นตะขอฟันปลอมได้ จึงดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ
- ส่วนยางและตะขอฟันปลอมอาจเสื่อมโทรมตามกาลเวลา
ฟันปลอมแบบติดแน่น
คือ ฟันปลอมถาวรที่จะติดแน่นอยู่ในช่องปาก ไม่สามารถถอดออกมาได้ โดยทันตแพทย์จะทำการกรอและครอบฟันซี่ข้างเคียงเพื่อสร้างแรงยึดกับฟันปลอมให้แน่น หรือที่เรียกว่า “สะพานฟัน” หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือการฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกร เพื่อใช้เป็นตัวยึดฟันปลอมที่สวมเข้าไป ฟันปลอมแบบติดแน่นจะเหมาะกับคนที่มีฟันหายไปเพียงบางซี่ แล้วต้องการฟันทดแทนที่แข็งแรง สวยงามเหมือนฟันจริง รวมถึงไม่อยากถอดฟันปลอมออกมาทำความสะอาดบ่อยๆ
ข้อดีของฟันปลอมแบบติดแน่น
- มีความแข็งแรงทนทาน ไม่หลุดออกง่าย
- มีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวเทียบเท่ากับฟันจริง
- ใส่แล้วไม่รู้สึกรำคาญ เพราะไม่มีส่วนตะขอหรือฐานฟันปลอม
- ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ
ข้อเสียของฟันปลอมแบบติดแน่น
- จำเป็นต้องกรอฟันซี่ข้างเคียงออก ทำให้เสียเนื้อฟันบางส่วนไปด้วย
- ไม่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ และหากแปรงฟันไม่ดีก็อาจเกิดฟันผุใต้ครอบฟันได้
- มีราคาสูงกว่าฟันปลอมแบบถอดได้
- มีความซับซ้อนและทำได้ยากกว่า ต้องรักษากับทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน
เราเหมาะกับฟันปลอมแบบไหน ?
ความเหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพฟันและความต้องการของเราเป็นหลัก สำหรับคนที่มีฟันธรรมชาติเหลืออยู่น้อย การใส่ฟันปลอมแบบถอดได้จะสะดวกและคุ้มค่ากว่า ส่วนคนที่ฟันเสียหายไปแค่บางซี่ จะเหมาะกับฟันปลอมแบบติดแน่นมากกว่า เนื่องจากจะได้ฟันที่แข็งแรงทนทาน มีสภาพเหมือนฟันจริง และไม่รำคาญขณะใส่ด้วย
ใส่ฟันปลอมแล้วจัดฟันแบบใสได้หรือเปล่า ?
ทั้งนี้อยู่ที่ว่าเราเลือกใส่ฟันปลอมแบบไหน หากเป็นฟันปลอมแบบติดแน่น ทั้งแบบที่ทำสะพานฟันหรือฝังรากฟัน ก็สามารถจัดฟันแบบใสได้ตามปกติ เสมือนเป็นฟันจริงทุกประการ
มากอบกู้รอยยิ้มที่มั่นใจ ฟื้นฟูฟันที่เสียหายด้วยฟันปลอมที่ได้มาตรฐาน ที่ TDH Dental คลินิกทันตกรรมมาตรฐาน ISO 9001 : 2015 ที่มีทันตแพทย์เฉพาะทางผู้มากประสบการณ์ในเรื่องของฟันปลอมพร้อมให้คำปรึกษาเรื่องฟันปลอมและให้การดูแลอย่างครบวงจร พร้อมด้วยเครื่องมือทันตกรรมครบครันทันสมัย เพื่อให้คุณได้รับการรักษาที่ราบรื่น ปลอดภัย และประทับใจอย่างแท้จริง