ปวดฟัน! ถอนหรือรักษารากฟันดี ? ไขข้อสงสัยกับคุณหมอ TDH
หลายคนที่กำลังทรมานกับอาการปวดฟัน อาจลังเลว่าเราควรเลือกรักษาด้วยวิธีไหน ให้หายขาดและดีต่อสุขภาพช่องปากมากที่สุด อย่างการรักษารากฟัน ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้เราสามารถเก็บรักษาฟันไว้ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ต้องมาพบคุณหมอหลายครั้ง และใช้ระยะเวลาพอสมควร ส่วนการถอนฟัน อาจเป็นวิธีที่ง่ายกว่า เร็วกว่า จบในครั้งเดียว และประหยัดกว่า แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียฟันธรรมชาติไป ในบทความนี้คุณหมอ TDH จะมาไขข้อสงสัยว่า เราควรเลือกรักษาอาการปวดฟันด้วยวิธีไหน ถึงจะตรงกับสาเหตุที่เราเป็นและให้ผลดีที่สุด
สาเหตุการปวดฟันของเราเกิดจากอะไร
ก่อนจะเริ่มการรักษา คุณหมอต้องทราบก่อนว่าอาการปวดฟันของเราเกิดจากอะไร เนื่องจากสาเหตุที่ไม่เหมือนกัน ก็อาจมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไปด้วย โดยสาเหตุของอาการปวดฟันที่เจอได้บ่อย ได้แก่
- ฟันผุถึงโพรงประสาท
- ฟันแตก ฟันร้าว
- โรคเหงือก
เมื่อคุณหมอวินิจฉัยหาสาเหตุได้แล้ว ก็จะหาแนวทางรักษาที่เหมาะกับแต่ละเคสต่อไป เรามาดูกันว่าอาการปวดฟันที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ ที่ว่ามานี้ มีวิธีการรักษายังไงบ้าง
1. ฟันผุถึงโพรงประสาท
ฟันผุถึงโพรงประสาทฟัน หรือเรียกง่ายๆ ว่าฟันผุลึก มักเกิดจากการปล่อยให้ฟันผุมาเนิ่นนานแล้วไม่รีบรักษา จนเชื้อโรคแทรกซึมเข้าไปยังโพรงฟัน ทำให้เนื้อเยื่อโพรงประสาทฟันอักเสบ และเกิดอาการปวดฟันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเวลาที่เคี้ยวอาหาร มีเศษอาหารมาติดในรูฟันผุ รับประทานของร้อน ของเย็น หรือมีอะไรมาโดนฟัน และหากเรายังปล่อยไว้ เชื้อโรคก็อาจเข้าไปยังปลายรากฟัน ทำให้ปลายรากฟันติดเชื้อเป็นหนอง หรือลุกลามไปยังฟันซี่อื่นๆ และอวัยวะข้างเคียงได้
การรักษาฟันผุถึงโพรงประสาท
สำหรับอาการปวดฟันที่เกิดจากฟันผุลึก ส่วนใหญ่ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษารากฟัน ซึ่งขั้นตอนคร่าวๆ ก็ได้แก่ การทำความสะอาดโพรงประสาทฟันที่ติดเชื้อ หากมีการติดเชื้อถึงปลายรากฟันก็ต้องขูดเอาเส้นประสาทที่ติดเชื้อออกด้วย จากนั้นจึงอุดซ่อมแซมคลองรากฟันเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้ามาอีก ซึ่งต้องนัดหมายมารักษา 2-3 ครั้ง ทั้งนี้ ถ้าฟันผุเสียหายมากจนเนื้อฟันเหลือน้อย คุณหมอก็อาจพิจารณาให้ทำครอบฟันสวมทับเพื่อให้ฟันแข็งแรง ไม่แตกหักง่ายในอนาคต
2. ฟันแตก ฟันร้าว
ฟันแตก ฟันร้าว เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปวดฟันรุนแรงได้ เนื่องจากโพรงประสาทฟันจะเปิดเผยสู่ภายนอกผ่านรอยร้าวนั้น พอเราดื่มน้ำร้อน น้ำเย็น หรือเคี้ยวอาหาร ก็มักทำให้เกิดอาการเสียวฟันและปวดฟันตามมา โดยสาเหตุของฟันแตก ฟันร้าว เกิดจากการเคี้ยวของที่แข็งเกินไป การนอนกัดฟันบ่อยๆ หรือเกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งมักเกิดกับฟันกรามใหญ่หรือฟันกรามน้อย และคนไข้มักมีอาการปวดฟันแบบเป็นๆ หายๆ แต่หากรอยแตกร้าวนั้นลึกมาก คนไข้ก็อาจรู้สึกปวดฟันอยู่ตลอด และอาจกลายเป็นสาเหตุที่ต้องถอนฟันได้
การรักษาฟันแตก ฟันร้าว
การรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรง ขนาด ความลึก และลักษณะของรอยแตกร้าว รวมถึงอาการของคนไข้ โดยแนวทางการรักษาทั่วไป มีดังนี้
- หากรอยแตกร้าวมีขนาดเล็ก และไม่ได้ทำให้เกิดอาการปวดรุนแรง คุณหมออาจรักษาด้วยการเคลือบหรืออุดฟัน เพื่อซ่อมแซมฟันที่แตกร้าว และป้องกันไม่ให้รอยมีขนาดใหญ่ขึ้น
- หากรอยร้าวมีขนาดค่อนข้างใหญ่ หรือรักษาด้วยการอุดฟันแล้วไม่ได้ผล คุณหมอจะแนะนำให้ทำครอบฟันทับฟันซี่ดังกล่าว โดยอาจให้สวมครอบฟันชั่วคราวเพื่อดูอาการก่อนประมาณ 1 เดือน จากนั้นจึงนัดมาทำครอบฟันถาวร
- หากรอยแตกลึกถึงโพรงประสาทฟัน หรือมีการอักเสบในโพรงฟันด้วย คุณหมออาจทำการรักษารากฟัน แล้วตามด้วยการครอบฟันถาวร
- ในกรณีที่เนื้อฟัน เส้นประสาทในฟัน หรือรากฟันเสียหายอย่างรุนแรง จนไม่สามารถบูรณะฟันได้ อีกทั้งคนไข้มีอาการปวดฟันหนักมาก ก็อาจจำเป็นต้องถอนฟันออกไปเป็นวิธีสุดท้าย
3. โรคเหงือก หรือโรคปริทันต์
โรคเหงือกอักเสบ หรือโรคปริทันต์ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการปวดฟันที่เจอได้ค่อนข้างบ่อย โดยโรคเหงือกอักเสบมักเกิดจากการดูแลสุขอนามัยในช่องปากที่ไม่ดีพอ ทำให้มีการสะสมของคราบหินปูนและแบคทีเรียจำนวนมาก ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะปล่อยกรดและสารที่กระตุ้นการอักเสบออกมา นอกจากนี้ ความเครียด พฤติกรรมการสูบบุหรี่ และปัญหาสุขภาพบางอย่าง ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเหงือกอักเสบได้เช่นเดียวกัน
นอกเหนือจากอาการปวดฟันแล้ว อาการอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่าเราอาจเข้าข่ายเป็นโรคเหงือกอักเสบ ได้แก่
- มีเลือดออกขณะแปรงฟัน
- เหงือกแดง บวม หรือนุ่มขึ้น
- เหงือกร่น จนทำให้ฟันดูยาวขึ้น หรือเหมือนมีร่องระหว่างเหงือกและฟัน
- ฟันเริ่มโยกเวลาเคี้ยวอาหาร
- มีกลิ่นปาก
- มีหนองไหลออกมาจากร่องเหงือก
คำแนะนำ: โรคเหงือกอักเสบและปริทันต์ หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษา ก็อาจทำให้ฟันหลุดออกจากกระดูกเบ้าฟัน และเป็นสาเหตุของการสูญเสียฟันได้
การรักษาโรคเหงือก
โรคเหงือกอักเสบ จะต้องทำการรักษากับทันตแพทย์เฉพาะทางด้านโรคเหงือก หรือปริทันตแพทย์ โดยวิธีการรักษาก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และบางครั้งอาจจำเป็นต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน ซึ่งแนวทางการรักษาทั่วไป ได้แก่
- การเกลารากฟันและขูดหินปูน เพื่อขจัดคราบพลัคออกจากฟันและร่องเหงือก ซึ่งจะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียได้
- การผ่าตัดเปิดร่องเหงือกเพื่อทำความสะอาด มักทำในคนไข้ที่อาการของโรคค่อนข้างรุนแรง
- การศัลยกรรมปลูกเหงือก ทำเพื่อเพิ่มความหนาของเหงือกที่ร่นหรือเสียหาย โดยจะใช้เนื้อเยื่อจากบริเวณอื่นในช่องปากมาปลูก
- การผ่าตัดตกแต่งเหงือก มักทำร่วมกับการทำครอบฟัน เพื่อตกแต่งเหงือกและฟันที่เสียหายให้กลับมาสวยงาม
คำแนะนำเพิ่มเติมจากคุณหมอ TDH
จะเห็นได้ว่าอาการปวดฟันอย่างเดียว อาจบ่งบอกถึงสารพัดปัญหาในช่องปากที่ต่างกันไป ดังนั้น ใครที่เริ่มมีอาการปวดฟันจึงควรรีบมาพบทันตแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อหาสาเหตุและหาวิธีรักษาที่เหมาะสม เพราะหากปล่อยไว้ก็อาจทำให้ความผิดปกตินั้นลุกลามรุนแรง ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษามากขึ้น
ใครที่สนใจอยากปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับฟันและช่องปาก สามารถเข้ามาพบคุณหมอที่ TDH Dental มาพูดคุยปรึกษาปัญหาสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์โดยตรง เพียงเท่านี้การดูแลช่องปากและฟันก็กลายเป็นเรื่องง่ายและไม่ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว